กระบองเพชร คืออะไร

จะจำแนกสายพันธุ์ อย่างไร ชื่อที่เห็นเรียกกันอยู่ มาจากไหน สร้อยที่ห้อยท้ายชื่อ คืออะไร คงเป็นคำถามที่หลายท่านต้องการคำตอบ... เนื้อหาในขอบเขตนี้ ได้รับความอนุเคราะห์จากผู้รู้มากมาย เราเพียงเป็นผู้รวบรวม เพื่อเป็นแหล่งความรู้หนึ่ง

ด้วยความขอบพระคุณ จาก www.mycacti.com

Tuesday, March 13, 2007

ประวัติของลินเนียส


ประวัติของลินเนียส

คัดจาก วารสารสมาคมพฤกษชาติแห่งประเทศไทย ประจำปี 2507

บุรุษผู้สร้างดรรชนี แห่งธรรมชาติ

(Karl von Linne, 1707-1778, The Man Who Indexed The Book of Nature)

รวมรวมโดย จงรักษ์ ศรีสมบูรณ์



ภาพจาก www_linnaeus.uu.se

บ้านเกิด
Carolus Linnaeus เป็นชื่อแบบลาตินของ คาล ฟอน ลินเน นักธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ชาวสวีเด็น เกิดที่ราชัลต์ แห่ง สโมลันด์
อันเป็นดินแดนตอนใต้ ของประเทศสวีเด็น มีภูมิประเทศ
เป็นท้องทุ่งอันสวยงาม ประกอบด้วยหุบเขาและทะเลทรายที่
อุดมสมบูรณ์ด้วยดอกไม้ป่า กล่าวได้ว่าไม่มีความงามของ
ธรรมชาติที่ไหนจะขึ้นหน้าขึ้นตายิ่งไปกว่านี้ได้อีกแล้ว


ชีวิตของท่านได้เริ่มขึ้นอย่างไม่มีปี่มี ขลุ่ย เท่าที่ฐานะอันยากจนของบิดาผู้เป็นพระแห่งนิกาย

ลูเธ่อร์ จะสามารถอำนวยให้แก่ลูกคนหนึ่งได้โดยแท้ ลินน์. ผู้พ่อ ไม่มีหวังที่จะได้เห็นบุตร
เจริญรอยตามความนึกคิดของตนไปได้ แต่เขาก็เป็นนักศึกษาทางธรรมชาติที่กระตือรือร้นมาก
ในสวนเต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์อย่างไม่มีสวนของใครในถิ่นเดียวกันจะเหมือน และด้วย
สถานที่แบบนี้เองที่ได้อบรมบ่มชีวิตเด็กผู้สามารถสร้างดรรชนีของธรรมชาติขึ้นใช้ได้ดี ยิ่งกว่า
การศาสนา

ลินน์. ผู้บุตร ไม่มีรสนิยมในวิชาที่เกี่ยวกับเทวะวิทยา ( Theology ) เอาเสียเลย ภาษากรี๊ก
ก็ดี ภาษาฮีบรูและวิชาจริยศาสตร์ก็ดี ไม่ได้เรื่องเอาทีเดียว แต่กับทางคำนวณดี, และยิ่ง
ในวิชาฟิสิคซ์ด้วยแล้วเป็นเยี่ยมกว่าวิชาอื่น ๆ หมด ความไม่สมหวังบางอย่างทำให้ผู้เป็น
บิดาหมดอาลัยตายหยากและเห็นไปว่า อนาคตของผู้เป็นบุตรเมื่อผิดจากเข้าโรงสวดก็คง
จะไม่มีทางอื่นนอกจากจะเปลี่ยนเป็นเข้าร้านตัดเสื้อหรือร้านซ่อมรองเท้ากันเท่านั้น และ
ขณะที่กำลังตัดสินใจว่าจะส่งตัวไป ก็พอดีมีครูคนหนึ่งเห็นความเป็นอัจฉริยะของเด็กจึง
ขวางไว้ และได้ให้ยืมตำราทางพฤกษศาสตร์ไปอ่านกับได้ช่วยเหลือจัดส่งเข้าโรงเรียนที่
เว็กซิโอให้ด้วย แล้วต่อมาก็ได้เข้ามหาวิทยาลัยแห่งลันด์และอั๊พ ชาลา

ชีวิตในเยาว์วัย
เด็กชายลินนีอัสได้รับเงินเป็นค่าใช้จ่ายอยู่เพียงปีละ ๘ ปอนด์ จึงมีความคับแค้นมาก เคย
ถึงกับต้องเอารองเท้าที่ทำมาด้วยเปลือกไม้ และเย็บด้วยตนเอง ออกขาย อย่างไรก็ดี, ไม่
มีอะไรจะทำให้เขาคลายความสังเกตดูความเป็นไปของธรรมชาติด้วยใจรักให้ลดลงได้



ขณะที่กำลังศึกษาอยู่ที่ลันด์ ( ๑๗๒๗ ) นั้น มีศาสตราจารย์ทางศาสนาอีกผู้หนึ่งชื่อ
โอลาฟ เซลซิอัส ( ๑๖๗๐ ๑๗๕๖ ) เกิดประทับใจต่อความเป็นผู้มีมานะบากบั่น
ประกอบด้วยความเป็นผู้มีชาติวุฒิอันดี จึงได้ให้ที่พำนักอาศัยโดยไม่คิดมูลค่า ท่าน
ผู้นี้เป็นผู้ที่สนใจต่อเรื่องต้นไม้ที่เกี่ยวกับคริสต์ประวัติ เขาจึงกลายเป็นผู้ที่ช่วยท่าน
รวบรวมเรื่อง Hierobotanicon อันกล่าวถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ตามคัมภีร์ใบเบิลด้วย
(๑)


ภาพจาก www.linnaeus.nu

ที่อั๊พซาลา ( ๑๗๓๐ ) ตลอดเวลาที่เขาง่วนอยู่กับเรื่องของเกษรตัวผู้บ้าง ตัวเมียบ้าง
และเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเพศของต้นไม้บ้าง ( ดูวิธีการของ ระบบลินเนียน ต่อไป
ข้างหน้า )
ลินนีอัสไม่ได้คิดเลยว่างานที่ตนกำลังมุ่งหน้ากระทำอยู่จะมีคุณค่าสักปาน
ใด นอกจากจะทำ ๆ ไปตามความสามารถและหน้าที่ ที่ทางมหาวิทยาลัยได้แต่งตั้ง
มอบหมายเป็นผู้ควบคุมดูแลสวน ช่วยสอนในวิชาพฤกษศาสตร์ และช่วยแนะแนว
ให้แก่ทางสวนบ้าง เท่านั้น

การออกสำรวจ

ในปี ๑๗๓๒ เขาได้ออกเดินทางไปสำรวจ เพื่องานของมหาวิทยาลัยตลอดทั่วทั้ง
แล๊ปแลนด์อยู่ประมาณ ๕ เดือนเศษ เป็นระยะทางกว่า ๔,๕๐๐ ไมล์ กล่าวกัน
ว่าได้สิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายไปหากจะเทียบกับเงินปอนด์ก็ประมาณ ๒๕ ปอนด์
แต่ได้ตัวอย่างพันธุ์ไม้ใหม่ ๆ มาด้วยราว ๆ ๑๐๐ ชนิด กับตัวรายงานทาง
ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและชาติวงศ์วรรณาแห่งแล๊ปแลนด์ อันเป็นต้นกำเนิด
ของหนังสือ Flora Lapponica ( ๑๗๓๗ ) และอื่น ๆ เป็นบึกใหญ่ ( ดูต่อไป
ข้างหน้า ) ความสำเร็จทั้งนี้ เป็นเหตุที่ทำให้ได้มีการเดินทางแบบเดียวกันขึ้นอีก
ทีนี้เป็นการไปทั่วทั้งแดลิคาร์เลีย ( เดี๋ยวนี้คือ คอพพาแบรฺก์ ) โดยการเชื้อเชิญ
และทุนรอนของผู้ว่าราชการรัฐอันเก่าแก่แห่งหนึ่งของสวีเด็น

ลินนีอัสยังได้รับปริญญา เอ็ม. ดี. ที่ ฮาร์เดอร์วิค แห่งประเทศฮอลันด์ด้วย ( ๑๗๓๕ )
ที่นี่เขาได้ผลิตงานขึ้นอีกมาก เช่น Fundamenta Botanica กับ Bibliotheca
Botanica ( ๑๗๓๖ ) เป็นต้น และด้วยความเอื้อเฟื้อของเฮอรฺมานน์ บูร์ฮาฟฺเว
( ๑๖๖๘ ๑๗๓๘ ) แพทย์ชาวดัตช์ ช่วยให้เขาได้รับมอบงานสวนที่เป็นแหล่งสะสม
พันธุ์ไม้ชั้นดีของนายธนาคารผู้หนึ่งแห่งเมืองฮาร์เล็มไว้ พร้อมด้วยความหวัง
ที่จะได้ไปเยือนมหาวิทยาลัยอ๊อกซ์ฟอรฺดและกรุงลอนดอน อันจะช่วยให้ได้พบ
และรู้จักกับนักพฤกษศาสตร์ทั้งหลาย และได้ชมแหล่งสะสมที่ดีแห่งอื่น ๆ ไปด้วย
นายธนาคารผู้นี้ชื่อ คลิ๊ฟฟอรฺต ซึ่งปรากฏว่าแล้วเขาก็ได้ไปจริง ๆ ปารีสและเลย์เด็น
ก็ไป .


ภาพจาก www.linnaeus.nu

การเริ่มใช้ชื่อเฉพาะกำกับในพฤกษศาสตร์


ณ ที่ฮาร์เล็มนี้ ลินนีอัสได้เริ่มปูพื้นวิชาพฤกษศาสตร์แบบปัจจุบัน และได้จำแนกชั้นของพืชและสัตว์ขึ้นโดยเขียนตำราขึ้นหลายเล่ม อาทิเช่น Critica
Botanica กับ Genera Plantarum ( ๑๗๓๗ ) เป็นต้น ต่อมาได้เดินทางไปยัง
ประเทศ ฮอลันด์ ฝรั่งเศส และอังกฤษ เพื่อเล็คเช่อร์ เมื่อกลับมาสวีเด็นแล้วก็ได้หัน
มาปรับปรุงแหล่งสะสมทางพฤกษศาสตร์ขึ้นอีก และขณะที่ฝึกอาชีพทางแพทย์อยู่ที่
กรุงสต๊อคโฮลฺม ได้เขียนเรื่อง Classes Plantarum ( ๑๗๘๘ ) ขึ้น ต่อมาอีกได้เป็น
อาจารย์สอนทางเวชกรรมและวิชาพฤกษศาสตร์ (๑๗๔๑,๑๗๔๒ ) อยู่ที่มหาวิทยาลัย
แห่งอั๊พซาลา

เป็นระยะนี้เองที่เขาได้ท่องเที่ยวไปทางทะเลบอลติกถึงเกาะโอแลนด์และ
ก๊อทแลนด์ ( ๑๗๔๒ ) และได้จัดพิมพ์ผลงานอันเนื่องมาจากการเดินทางครั้ง
นั้นขึ้นด้วย (Olandska och Gotlandska Resa, ๑๗๔๕ ) หนังสือเล่มนี้
เป็นหนังสือเล่มแรกที่ได้มีการใช้ชื่อเฉพาะทางวิทยาศาสตร์ กำกับด้วย (specific
names ) ต่อมาอีกก็คือเรื่อง Flora Suecica กับ Fauna Suecica ( ๑๗๔๕ )
และ Hortus Upsaliensis (๑๗๔๘ )


การจำแนกชั้นพืชในระยะแรก


บัดนี้ ชื่อเสียงของเขาได้ขจรขจารไปทั่วทิศ ซึ่งน้อยนักที่จะหาบุคคลผู้ใดสามารถ
ได้รับชื่อเสียงอย่างมากมายในช่วงระยะเวลาอันสั้นเท่านี้ได้ มีนักเดินทางจาก
ดินแดนอันไกลมาสู่เขาพร้อมด้วยต้นหมากรากไม้และสัตว์ชนิดใหม่ ๆ อย่างไม่
รู้จักหยุดหย่อน กลุ่มนักศึกษาจากยุโรปจะคอยเฝ้าฟังเล็คเช่อร์ของเขาอยู่ที่อั๊พซาลา
เป็นประจำ เขาทำงานอย่างไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย จำแนกชั้นไป ให้ชื่อไปเขียน
บันทึกและพิมพ์ขึ้นเรื่องออกเผยแพร่เรื่อยไป

และสำหรับหนังสือในจำนวน ๑๘๐ กว่าเล่มที่ได้มีการพิมพ์ขึ้นแล้วนั้น เป็นเรื่อง
ที่เกี่ยวกับต้นไม้ของแล๊ปแลนด์และสวีเด็นอยู่หลายเล่ม เช่น Philosophia
Botanica
ที่ได้พิมพ์ขึ้นในปี ๑๗๕๐ และ Species Plantarum ในปี ๑๗๕๓
เป็นต้น หนังสือทั้ง ๒ เล่มนี้เป็นหนังสือที่สำคัญมาก ได้บรรจุชื่อพรรณไม้ชนิดต่าง ๆ
ไว้อย่างพร้อมที่จะใช้เป็นหลักในการกำหนดชื่อพฤกษศาสตร์ได้

ในระยะแรกเขาได้คิดระบบเทียม” (Artificial system ) สำหรับการจำแนกชั้น
พืชขึ้นใช้ก่อน ระบบนี้เป็นระบบที่อาศัยอวัยวะเพศเป็นหลักมากกว่าจะใช้ระบบทาง
อินทรีย์วัตถุเป็นมาตรฐาน ต่อมาก็ได้ครุ่นคิดคำนึงถึงการที่จะนำเอาระบบธรรมชาติ
มาใช้ (Nature system ) โดยไม่อาศัยแต่ระบบทางเพศเพียงทางเดียว ซึ่งจะต้อง
พิจารณาถึงสัมพรรคภาพ ( Affinity ) คือการรวมเป็นกลุ่มตามความเกี่ยวข้องสัมพันธ์
กันอย่างแท้จริงด้วย.


เมื่อมีพืชชนิดใหม่มาถึงมือ เขาจะให้คำบรรยายไว้เป็นภาษาลาติน เพื่อช่วยให้นัก
พฤกษศาสตร์ของชาติอื่น สามารถเข้าใจได้ด้วย โดยมีวิธีกำหนดชื่อพืชขึ้นดังนี้คือ

จะต้องได้ขนานชื่อประจำถิ่นกำเนิดไว้ก่อนกระทั่งเมื่อไรสืบสาวราวเรื่องถึงความ
เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันได้แล้ว จึงให้ชื่อรองหรือชื่อย่อยผนวกเข้ากับชื่อสกุล อันเป็น
ระบบที่มีค่าอย่างมหาศาลแก่บรรดานักพฤกษศาสตร์ทั้งหลายต่อ ๆ มา เสร็จแล้ว
ตามด้วยตัวอักษร “ L ” ตัวใหญ่ท้ายชื่อวิทยาศาสตร์ แสดงว่าพืชชนิดนั้นได้ถูก
บัญญัติชื่อขึ้นแล้วโดย ลินนีอัส เช่น
Lobelia Kalmii, L. ก็หมายความถึง ดอกโลบิลยาชนิดหนึ่ง ที่เขาเองได้ตั้งชื่อไว้ เป็นที่ระลึกถึงสหายนักพฤกษศาสตร์ชาวสวีเด็นด้วยกัน คนหนึ่งคือ ปีเตอร์ คาลฺม (๑๗๑๕ ๑๗๗๙ ) ท่านผู้นี้ได้เคยเดินทางไปสำรวจพันธุ์ไม้ทางอเมริกาเหนือมาแล้ว ระหว่างปี ๑๗๔๘ – ๕๑

**********************************************



หมายเหตุ : ตัวสะกดในที่นี้ ใช้ตามต้นฉบับเดิม


No comments: